อาการของผู้ป๋วยที่พบส่วนใหญ่
ร่างกาย
|
อาการ
|
การขาดสารอาหาร
|
ผม | บาง แห้งเปราะ หลุดง่าย เปลี่ยนสี | โปรตีน – พลังงาน สังกะสี |
ตา | บางซีด เกล็ดกระดี่ตา | เหล็ก วิตามินเอ ซี บี 12 |
ปาก | ปากนกกระจอก บวกแดงที่ริมฝิมปาก | วิตามิน บี 12 ไนอาซีน เหล็ก |
เหงือก | บวม เลือดออกตามไรฟัน | วิตามินซี |
เล็บ | ซีด รูปช้อน | เหล็ก |
ผิวหนัง | แห้ง เป็นขุย | วิตามินเอ กรดไขมันจำเป็น |
ลิ้น | สีน้ำล้างเนื้อ งเลี่ยน | วิตามินบี 2 ไนอาซิน เหล็กโฟเลท วิตามิน 12 |
ใต้ผิวหนัง | บวม | โปรตีน – พลังงาน วิตามินบี1 |
กล้ามเนื้อ | ลีบ | โปรตีน – พลังงาน |
ขา | โค้งงอ | วิตามินดี แคลเซียน |
โปรตีน
โปรตีนมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนก็คงจะทราบกันดี โดยเฉพาะในช่วงการลดน้ำหนัก ที่เราจะลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันลง โปรตีนก็จะถูกนำมาใช้เผาผลาญเป็นพลังงานมากขึ้น แต่ถ้าหากเรารับประทานโปรตีนไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายไปดึงโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้แทน ซึ่งถ้าขาดโปรตีนติดต่อเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้อสลายตัว และอ่อนแรงลง เราจึงต้องรับประทานโปรตีนให้มากขึ้น ซึ่งไม่ได้มีแต่ในเนื้อสัตว์เท่านั้น ลองมาดูอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนเหล่านี้กันดีกว่าทั้งช่วยในการควบคุมน้ำหนัก แถมพ่วงด้วยคุณประโยชน์ในการดูแลสุขภาพอีกเพียบมีอะไรบาง
(1.อกไก่ 2.ไข่ 3.อัลมอนต์ 4.ข้าวโอ๊ต 5.กรีกโยเกิจ์ต 6.นม 7.เนื้อวัว 8.บล๊อดคโคลี่ 9.ทูน่า 10.ธัญพืช 11.ปลา 12.กุ้ง 13.เต้าหู้ เป็นต้น)
สังกะสี
หน้าที่สำคัญของธาตุ สังกะสี สำหรับร่างกาย คือการเข้าไปควบคุมกระบวนการทำงานต่างๆ ในระดับเซลล์ ทำให้อวัยวะดำเนินการทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และด้วยส่วนประกอบของ สังกะสี ที่มีอยู่ภายในเอนไซม์อย่างน้อยราว 60-70 ชนิด โดยมีหน้าที่หลักสำคัญคือ เป็นเสมือนรถบรรทุกคอยขนส่งคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์และเนื้อเยื่อไปยังปอด มีการทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนกรดไฟรูวิกเป็นกรดแลคติก ซึ่งจะอยู่ในวัฎจักรไกลโคลิซิส นอกจากนี้ ยังเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนที่ลำไส้เล็ก เป็นโคแฟกตอร์ช่วยสังเคราะห์ดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ
มีส่วนช่วยบำรุงดูแลร่างกายส่วนที่สึกหรอ โดยการเข้าไปซ่อมแซม ทำหน้าที่ช่วยควบคุมการทำงานของเอนไซม์
ปริมาณที่เพียงพอที่เราได้รับแต่ละวัน จะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นมาจะช่วยเยียวยาให้แผลหายไวขึ้น
สำหรับเด็กจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการรับรู้รสชาติและการได้กลิ่นให้มีประสิทธิภาพ
โทษของที่ร่างกายได้รับสังกะสี น้อยเกินไป
ส่วนในกรณีที่เกิดภาวะขาดสังกะสี ร่างกายจะแสดงออกมาด้วยอาการทางผิวหนัง ขนตามร่างกายร่วง ผิวหนังเป็นรอยเขียวฟกช้ำได้ง่าย เป็นแผลเรื้อรังไม่ยอมหายสักที มีการอักเสบระคายเคืองที่ผิวหนัง ผิวแห้งลอกไม่มีความชุ่มชื้น ผิวหยาบกร้าน โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้อพับ ประสาทการรับรสเริ่มด้อยประสิทธิภาพ เมื่อเกิดแผลขึ้นมาจะหายช้า ส่วนในหญิงที่ให้นมบุตร การขาดธาตุสังกะสีจะส่งผลไปถึงการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของลูกน้อย
การรับประทาน สังกะสี ให้ได้สัดส่วนที่เพียงพอต่อร่างกายแบบไม่เกิดโทษ จะต้องอยู่ในปริมาณที่ขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละวัย
ในเด็กอายุระหว่าง 1-10 ปี ควรได้รับวันละ 10 มิลลิกรัม
ในเด็กวันรุ่นอายุ 11-22 ปี ควรได้รับ 15 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่อายุ 23-51 ปี ควรได้รับวันละ 15 มิลลิกรัม
ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับวันละ 20-25 มิลลิกรัม
การได้รับแร่ธาตุ สังกะสี ตามปริมาณด้านบนก็ถือว่าเพียงพอกับความต้องการแล้ว ถึงแม้ในประเทศไทย จะพบคนจำนวนน้อยมากที่ขาดธาตุสังกะสี แต่การเรียนรู้เพื่อให้ทราบโทษของการได้รับมากเกินไป ก็เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับร่างกายได้ทางหนึ่ง
อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีสูง
1.หอยนางรม 2.ตับ 3.เมล็ดแตงโม 4.จมูกข้าว 5.เนื้อสัตว์ 6.เมล็ดฟักทอง 7.เมล็ดงา 8.เห็ด 9.ช็อตโกแลตและโกโก้ 10.เม็ดมะม่วงหินพานต์ 11.ถั่วลสิง 12.ไข่แดง
นับเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายของคนเราได้เป็นอย่างมาก และยังเป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องการได้รับไม่แพ้ไปกว่าสารอาหารชนิดอื่นๆ เนื่องจากธาตุเหล็กมีหน้าที่ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่จะนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้นำเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับธาตุเหล็กมาฝากกัน อยากรู้ว่าธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด มาติดตามกันเลย
ธาตุเหล็ก คือ สารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการผลิตเฮโมโกลบิน ไมโอโกลบิน และเอนไซม์บางชนิด รวมทั้งยังเป็นสารที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินซี โคบอลต์ แมงกานีส และทองแดง ซึ่งเป็นสารที่มีความสำคัญต่อการดูดซึมของธาตุเหล็ก แต่ทั้งนี้วิตามินอีและสังกะสีที่มีอยู่ในร่างกายในปริมาณมากนั้นจะคอยขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็กเสียเอง ส่วนธาตุเหล็กที่เรารับประทานเข้าไปก็มักจะเกิดการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เพียงประมาณ 8% เท่านั้น
ประโยชน์ของธาตุเหล็ก
มีส่วนช่วยทำให้ร่างกายเติบโตและมีความแข็งแรงเป็นปกติ
มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันอาการโรคโลหิตจาง
ช่วยกำจัดโลหะหนักที่เป็นพิษออกจากร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้
เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย ตลอดจนทำให้ร่างกายห่างไกลจากอาการเจ็บป่วย
ช่วยให้เซลล์สมองของคนเราเจริญเติบโตได้ดี ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลียของร่างกาย
มีส่วนช่วยในการเพิ่มความงามให้แก่ผิว เพราะธาตุเหล็กจะช่วยทำให้ผิวพรรณของคนเราแลดูเรียบเนียน มีส่วนสำคัญต่อไขกระดูกในร่างกาย
โทษของการมีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุต่างๆ โดยเฉพาะเยื่อบุทางเดินอาหาร ตลอดจนทำให้มีเลือดออกในทางเดินอาหารได้ ไม่ว่าจะออกทางกระเพาะหรือลำไส้ก็ตาม
มีผลต่อการกดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่างๆ หรือทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย จนอาจทำให้เกิดโรคออโตอิมมูน และโรคมะเร็ง
ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไขกระดูก ไต ตับ ปอด หัวใจ และสมอง
อาจทำให้เกิดภาวะซีด หัวใจเต้นผิตจังหวะ
ส่งผลทำให้ร่างกายมีตัวเขียวคล้ำ รวมทั้งทำให้เกิดอาการตับวาย ไตวาย ชัก โคม่า และเสียชีวิตได้
อาหารที่มีธาตุเหล็ก
(อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ตับ ม้าม ไข่แดง อาหารเช้าซีเรียล (Cereal)หรือนมที่เสริม)
(อาหารด้วยธาตุเหล็ก
ในพืช เช่น ผักที่มีใบเขียวเข้มทุกชนิด เช่น ใบตำลึง ผักโขม ถั่วแดง ถั่วดำ
ข้าวโอต)
https://www.honestdocs.co/iron-essential-nutritions