หน้าเว็บ

เคล็ดลับ ของผู้ป๋วยนอนติดเตียงที่คุณต้องรู้


เคล็ดลับที่คุณต้องรู้ไว้

เกลือ

 


        เรื่องที่ต้องรู้ไว้ สังเกตว่า อาหารแต่ละสูตร ไม่มีเกลือเลย ผมโดยมาแล้วไม่มีหมอคนไหนบอก นักโภชนาการก็ไม่ได้บอก ผมก็คิดว่าไม่ต้องใส่แล้วจนล่วงเลยไป 1 ปี เต็มพ่อผมมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ความดันต่ำไม่มีแรงกล้ามเนื้อเกร็ง เลยต้องเข้าแอดมินที่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ ต้องอยู่ให้น้ำเกลือ มีสภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เพราะฉะนั้นเราต้องใส่เกลือด้วย แล้วใส่ยังไง คนเรานั้น ต้องบริโภคเกลือประมาณวันละ 1 ช้อนชา คือ 5 กรัม แต่ว่าสำหรับผู้ป่วยนอนติดเตียง ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้นำไปเผาผลาญไม่ได้ จึงต้องใส่เพิ่มหน่อย ส่วนตัวผมใช้ 2 ช้อนชา ต่อวัน แต่ว่าหมอที่ผมไปถามเขาบอกว่า ควรแค่ 4 ช้อนชา ต่อหนึ่งวัน ควรศึกษาและดูสภาพร่างกายของผู้ป๋วยว่าควรรับเท่าไร


การไหลของอาหารเหลว

 

         อันนี้จากประสบการส่วนตัว การไหลของอาหาร ควร 2 วินาที ต่อ 1 นิ้ว ควรใช้เวลาในการรับประทานประมาณ 10-15 นาที แล้วให้คนไข้พัก ให้อาหารไหลลงกระเพาะประมาณ 5-10นาที เป็นอย่าน้อย การไหลของอาหารนั้น ก็มาจากการเลือกวัตถุดิบ ต่างด้วย เช่น ประเภทเนื้อสัตว์ ปลา มีความ เนื้อเนียบปั่นง่าย แต่เหนียว เนื้อสัตว์จำพวก ไก่ หมู นั้น ปั่นยากหน่อยต้มนานหน่อย เนื้อหยาม ไหลเร็ว ส่วนปลาหมึกและหอยนั้น เหมือนพวก เนื้อหมูและไก่ ส่วนเครื่องในนั้น ปั่นง่าย เนื้อหยาบ ไม่ละเอียด ไม่เข้ากับน้ำ ให้เนื้อเป็นเม็ดๆ มองเห็นง่าย ส่วนผัก จำพวกที่มีแป้ง ทำให้อาหารข้มมากขึ้น ควรเอาเป็นตัวหลัก เช่น แครอก ฟักทอง ดีที่สุดคือ มันฝรั่งต่างๆ ส่วนผัก ประเภท ใบ ใส่แล้ว ปั่นจะไม่เหนียวไม่ข้น เช้น คะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักกาด เป็นต้น

 

การเลือกใช้วัตถุดิบตามอาการ

 

        ตอนแรกที่พ่อผมกลับมาอยู่บ้านผมทำอาหารตามสูตร แต่บางอย่างก็เกิดขึ้น พ่อผมถ่ายไม่ออก ตัวผอมลง ผิวซีด ผมก็เลยคิดว่า อาหารอาจจะไม่เพียงพอ ต่อร่างกายในแต่ละวัน จากผมเพิ่มกล้วยลงไปในสูตรอาหาร อาการดีขึ้นหน่อย ก็เลยมาคิดว่า พ่อถ่ายไม่ออก เราเพิ่มมะละกอ เม็ดแมงลัก หรืออื่นๆดี ผมแห้งกินอะไรดี ไอหนักมาก แต่กินยาเยอะไม่ได้ทำไงดี ผมก็เลยใช้สมุนไพร แทนยา การกินยามากทำให้ ไตเสื่อมภาพเร็วขึ้น แต่พ่อผมแก่ไต ก็อยู่ในพอใช้ 3+ อันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ต้องไปถามหมอนะ แต่ละจากให้กินผัก สมุนไพร ควบคุมอาหารก็ดีขึ้น ปัสสาวะเป็นปกติ ผิวพรรณดีขึ้น ผมเลยเอามาบอกเล่าให้ฟัง ว่าถ้าป๋วยเป็นอะไรไม่หนักหนามากเท่าไร อย่าพึงไปหาหมอนะ เพราะหมอก็ช่วยคุณไม่ได้ ผมเจอมาแล้ว โรคคนแก่ เป็นอาการปกติ อาจเพราะเมื่อดูดบุหรี่ ต้องทำใจ ผมรับไม่ได้เลยลองผิตลองถูกเอาเอง เลยเอามาบอกเล่าฟัง แล้วเรื่องผักสมุนไพรเดียวผมทำให้ ในบทความสมุนไพร

 

อาหารที่คนเป็นโรคไต ห้ามกินและต้องกิน 

 

 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผักอะไรที่คนเป็นโรคไตห้ามกิน   ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผักอะไรที่คนเป็นโรคไตห้ามกิน

 

เอามาจากเว็ป (https://www.sanook.com/health/3677/) 

 

       รารู้กันดีว่าคนเป็นโรคไต ห้ามกินเกลือ ของรสจัด ของมันแต่ยังมีอย่าอื่นที่คุรควรรู้ไว้ อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง และ อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูงอีกด้วย ได้แก่
อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ผงโกโก้ ,ลูกพรุนอบแห้ง,ลูกเกด,เมล็ดทานตะวัน,อินทผาลัม,ปลาแซลมอน,ผักโขมสด,เห็ด,กล้วย,ส้ม
 
       อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ไข่แดง ,เนื้อสัตว์ติดมัน ,ถั่วต่างๆ รวมถึงธัญพืชจำพวก งาดำ งาขาว ,ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น ชีส โยเกิร์ต ไอศรีมที่ทำจากนม ,ข้าวกล้อง ,บะหมี่ ,ขนมปังโฮลวีต ,ขนมเบเกอรี่ต่างๆ ,ผักสีเข้ม เช่น คะน้า บล็อกโคลี่ แครอท ผักโขม กะเพรา โหระพา ขี้เหล็ก ชะอม ฟักทอง มะเขือเทศ, เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาเขียวใส่นม น้ำอัดลม โกโก้/ช็อคโกแลต ,ขนมไทยที่ทำจากไข่แดง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ,สังขยา ขนมหม้อแกง คัสตาร์ด
 

น้ำตาลในเลือด 

 

       ระดับน้ำตาลในเลือด ต้องลดให้สมดุลนะครับ ตอนของพ่อผม น้ำตาลในเลือด ประมาณ 200 กว่า แต่ตอนออกมาจากโรงพยาบาล มาพักที่บอก ผมควบคุมน้ำในเลือดมากเกินไป เหลือไม่ถึง 100 ปรากฏว่าพ่อมีอาการ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง(แต่ปกติก็พูดไม่ค่อยรู้อยู่แล้ว แต่หนักกว่าเดิมอีก) ถามอะไรไม่ค่อยตอบ มึนหัว หน้าแดง เหมอลอย ถามหมอก็ตอบไม่ได้ แต่บอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่ว่ามีคนบอกว่า น้ำตาลในเลือด ไม่ใช้ว่าน้อยแล้วจะดี มันทำให้เกิดอาหาร น้ำตาลในเลืิอดต่ำ ไม่เหมือนคนปกติ ต้องลดให้มันพอดี 250 ก็ควร ลดให้ เหลือประมาณ 120 อะไรประมาณนี่นะ

 

การบักทึกอาการและอื่นๆ ดียังไง

 

    1.การบันทึกอาหารที่ให้กินนั้น สมเหตุว่า กิน 4 มื้อ 1250 ml ใส่อะไรลงไปบาง และตัวคนป๋วย กินแล้วผอมลง มีอาการแบบนี้ มันจะช่วยได้ว่า คนป๋วยควรเพิ่มอาหาร หรือแพ้อาหารตัวไหน 

    2.การบันทึกปัสสาวะนั้น  ตัวอย่างของพ่อผม ตอนเทปัสาวะ 3 รอบ รอบเช้า 1500 ml รอบบ่าย ประมาณ 1200 ml ตอนเย็น ประมาณ 1000 ml และมี อีกสี กลิ่น เช่น ถ้าตอนนั้น ประมาณน้อยลง เยอะมาก ดูแล้วไม่เท่าไรเดิม ประมาณ 3 วัน บวกกับสี และกลิ่นที่ฉุน อะไรประมาณนี้นะ ควรพาไปพบหมอได้แล้ว เราจะได้รู้ ว่ามีอะไรผิตปกติไม และเอาที่บันทึกไปให้หมอ หมอจะได้รู้อาการผู้ป๋วย                         

    3.การบันทึกสภาวะต้วร้อน คนเราอุณหภูมิ 38 องศา ถือว่าเป็นไข้ บางที่มันก็จะขึ้นลง ระหว่าง 35-38 องศา ถ้ามีขึ้น ไปที่ 38 องศา บ่อยควรพาไปพบแพทย์ และแต่เอาท่ี่บันทึกไปให้หมอดู หมอจะได้วินิฉัยถูกนะ